ฟุตบอลโลกย้อนหลังกับ 5 ทีมอาถรรพ์ตกรอบแรกของการแข่งขัน
การแข่งขันฟุตบอลโลก (FIFA World cup) มันจะมีความอาถรรพ์ในตัวของมันเอง โดยเฉพาะกับทีมแชมป์เก่า ที่หมายมั่นปั้นมือจะมาป้องกันบัลลังก์ โดยตลอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 20 ครั้งที่ผ่านมา มีเพียงทีมชาติเดียวที่สามารถป้องกันแชมป์หรือเป็นแชมป์สองสมัยติดต่อกันได้ ก็คือ ทีมชาติบราซิล ในปี 1985, 1962 ถ้านับตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งนั้นเป็นต้นมาก็ยังไม่มีชาติไหนที่สามารถป้องกันแชมป์ได้เลย
โดยในศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ในปี 2018 ก็เกิดเหตุการณ์อาถรรพ์อีกครั้ง เมื่อแชมป์เก่า เยอรมนี เกิดตกรอบแบ่งกลุ่มซะดื้อๆ หลังแพ้ให้กับ “ทีมพลังโสม” อย่างเกาหลีใต้ 0-2 กระเด็นร่วงรอบแรกบอลโลกแบบสุดช็อก แถมยังจบด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่มเอฟอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตามหลายๆ ท่านที่ดูบอลมานาน ก็จะรู้ว่า เหตุการณ์อาถรรพ์ของทัพอินทรีเหล็ก ไม่ใช่ชาติแรกที่บอกลาบอลโลก ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มในครั้งถัดมาเป็นทีมแรก พวกเขายังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมในลักษณะเช่นนี้อีกถึง 4 ทีมด้วยกัน ในวันนนี้บทความนี้จะขอนำเสนอ ว่าแล้ว 5 อาถรรพ์ทีมแชมป์เก่า ที่ตกรอบแรกในฟุตบอลโลกครั้งถัดมา
1.ทีมชาติอิตาลี
ทีมชาติอิตาลี เป็นชาติแรกที่โดนอาถรรพ์นี้เล่นงาน หลังคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้แล้วตกรอบแรกในครั้งถัดไป โดยทัพอัซซูรี สามารถคว้าแชมป์โลกครั้งที่ 2 ของพวกเขาในปี 1938 ที่ฝรั่งเศส ด้วยการชนะ ฮังการี ในนัดชิงชนะเลิศ 4-2 จากนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้ฟุตบอลโลกต้องว่างเว้นไป 12 ปีเลยทีเดียว และเมื่อฟุตบอลโลกกลับมาอีกครั้ง ก็มาจัดในปี 1950 ที่บราซิล ยอดนักเตะในยุคก่อนๆ อย่าง จูซเซปเป้ เมียสซ่า หรือ ซิลวิโอ ปิโอล่า และคนอื่นๆ ต่างเลิกเล่นกันไปหมดแล้ว เพราะมันผ่านมากกว่า 10 แล้วทำให้อิตาลีชุดนี้ ต้องจอดป้ายแค่รอบแรกเท่านั้น โดยอิตาลียังเป็นทีมแรกที่โดนอาถรรพ์นี้ถึง 2 ครั้ง หลังตกรอบแบ่งกลุ่มในฐานะแชมป์เก่า 2 ครั้ง ในปี 2006 บนแผ่นดินเยอรมนี อิตาลีเอาชนะลูกโทษเหนือฝรั่งเศส 5-3 คว้าแชมป์สมัยที่ 4 อย่างยิ่งใหญ่ แต่อีก 4 ปีถัดมา พวกเขาก็ตกรอบแรกอีกจนได้ แม้จะมีนักเตะอย่าง จานลุยจิ บุฟฟอน, อันเดรีย ปีร์โล หรือ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน ก็ตาม ด้วยการพ่ายให้กับ สโลวาเกีย 2-3 ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม จบอันดับบ๊วยและมีแค่ 2 แต้มเท่านั้น ถึงแม้ว่าทีมอัซซูรีจะเป็นหนึ่งในชาติที่ได้แชมป์โลกมากที่สุดถึง 4 ครั้ง เป็นรองเพียงบราซิลที่ได้ไป 5 ครั้ง แต่อิตาลีก็มักจะทำผลงานได้น่าผิดหวังเสมอหลังจากได้แชมป์มาครอง
2.ทีมชาติบราซิล
เจ้าของแชมป์โลกที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวน 5 สมัยอย่าง ทีมชาติบราซิล ก็ไม่พ้นเคยประสบชะตาตกรอบด้วยฐานะแชมป์เก่ามาแล้ว โดยเริ่มจากพวกเขาสามารถคว้าแชมป์โลกในปี 62 ได้ด้วยการเอาชนะ เช็คโกสโลวาเกีย 3-2 เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 2 ของพวกเขา ด้วยการนำทัพโดย “ไข่มุกดำ” นักเตะสมบัติของชาติอย่าง เปเล่ แต่ในอีก 4 ปีถัดมาบนแผ่นดินอังกฤษ ทีมที่เต็มไปด้วยสตาร์ดังอย่าง เปเล่ ทอสเทา และ การ์รินชา กลับจอดตั้งแต่รอบแรกตามอิตาลีไป หลังชนะเพียงแค่เกมเดียวในรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น ก่อนจะมาพ่ายให้ ฮังการี และ โปรตุเกส ร่วงตกรอบแรกไปแบบช็อกแฟนบอลทั่วโลก
3.ทีมชาติฝรั่งเศส
ฝรั่งเศส เป็นอีกชาติที่สามารถคว้าแชมป์โลกบนแผ่นดินตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการถลุงแชมป์เก่าในปี 94 อย่าง บราซิล ขาดลอย 3-0 จากการโหม่ง 2 ประตู จากเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปีนั้นอย่าง ซีเนดีน ซีดาน แต่ในบอลโลก 4 ปีถัดมาบนแผ่นดินเอเชีย ญี่ปุ่น-จีน พวกเขากลับพลาดท่าแพ้ให้กับทีมน้องใหม่ในนัดแรกอย่าง เซนเนกัล 0-1 จากนั้นก็ทำได้แค่เสมอกับอุรุกวัย ในเกมสองแบบไร้สกอร์ 0-0 พร้อมใบแดงของอองรี ก่อนที่เกมสามจะขายหน้าแบบสุดขีดด้วยการแพ้ เดนมาร์ก 0-2 ตกรอบแรกไปชนิดที่ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้เลยสักลูก นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุดของทีมแชมป์เก่า ตกรอบแรกด้วยอันดับสุดท้ายองกลุ่มยังไม่พอ เก็บได้แค่คะแนนเดียวและยิงใครไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว แต่อย่างน้อยในปีนี้ ฟุตบอลโลก 2018 ทีมชาติฝรั่งเศสก็สามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ของชาติตตนเองได้สำเร็จ ด้วยการนำทีมของนักเตะอนาคตไกลอย่าง คิลิยัน เอ็มบาปเป้, เอ็นโกโล ก็องเต้, พอล ป็อกบา และอ็องตวน กรีซมันน์ และเราก็มารอดูกันว่าในฟุตบอลโลกครั้งถัดไปในปี 2020 ที่ประเทศการตาร์ ทัพตราไก่ที่เต็มไปด้วยขุมกำลังชั้นยอดมากมาย จะโดนอาถรรพ์แชมป์เก่าหลอกหลอนอีกครั้งหรือไม่
4.ทีมชาติสเปน
แชมป์โลกปี 2010 อย่างสเปน ก็ไม่พ้นจากการตกรอบแรกฟุตบอลโลกหลังจากการเป็นแชมป์ จากประตูชัย ของอิเนียสต้า ที่ช่วยให้ทัพกระทิงดุเป็นฝ่ายคว้าแชมป์แรกสำเร็จบนทวีปแอฟริกา แทนที่ของ เนเธอร์แลนด์ ที่ต้องการแชมป์แรกของพวกเขาเหมือนกัน แม้จะเดินหน้าคว้าแชมป์ยูโร 2012 ได้ใน 2 ปีถัดมา แต่ฟุตบอลโลกบนแผ่นดินบราซิล กลับสร้างความอับอายให้กับทีมกระทิงดุเหลือเกิน เมื่อพวกเขาประเดิมสนามเจอกับคู่แค้นเก่าอย่าง เนเธอร์แลนด์ ก่อนโดนแข้งอัศวินสีส้ม กลับมาแก้แค้นได้อย่างสาสมด้วยสกอร์ขาดลอย 1-5 ก่อนที่จะพวกเขาจะตกรอบแบบสนิทตั้งแต่เกมที่ 2 เมื่อพ่ายพลิกล็อกให้กับ ชิลี 0-2 แม้ว่าจะเอาชนะ ออสเตรเลียได้ในเกมสุดท้ายถึง 3-0 แต่ก็เป็นชัยชนะที่ไร้ความหมาย เพราะพวกเขาก็จอดป้ายเพียงแค่รอบแรกอยู่ดี
5.ทีมชาติเยอรมนี
มีแววว่าจะเกิดอาถรรพ์ตั้งแต่ก่อนมารัสเซีย เมื่อฮีโร่ในฟุตบอลโลก 2014 อย่าง มาริโอ เกิทเซ ไม่ได้ถูกหิ้วมาด้วย เท่านั้นยังไม่พอเพราะลีรอย ซาเน่ ปีตัวจี๊ดที่ฟอร์มกำลังแรงกับ แมนฯ ซิตี้ กลับไร้ชื่อมาลุยรัสเซีย ทัพอินทรีเหล็ก เริ่มต้นนัดแบ่งกลุ่มแบบช็อกๆ เมื่อปราชัยให้กับ เม็กซิโก 0-1 หยุดสถิติชนะเกมแรกในฟุตบอลโลกมา 7 สมัยติด ก่อนที่พวกเขาจะได้ลูกฟรีคิกของ โทนี โครส ช่วยให้กลับมามีลุ้นได้ในเกมนัดสุดท้าย ก่อนที่กองเชียร์จะห่อเหี่ยวกันทั้งประเทศ เมื่อเยอรมนี โดน เกาหลีใต้ ฝังมิดดิน ตกรอบไปโดยการเป็นบ๊วยกลุ่ม บนความพ่ายแพ้แบบสุดช็อกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 0-2